ฟ้อง คืออะไร

Tuesday, November 6, 2012

วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรกคดีดำ อ.2498/55 ที่นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ อายุ  63 ปี อาชีพนักธุรกิจ เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ  อายุ 57 ปี อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ เป็นจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จ และแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 55 ระบุความผิดสรุปว่า
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 55  เวลากลางวัน จำเลยได้นำข้อความอันเป็นเท็จเบิกความต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในคดีที่ 1653/54 ในคดีที่จำเลย ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนฯ ร้องขอให้นางถนิม เลาหะวัฒนะ มารดาวัย 96 ปี เป็นบุคคลผู้ไร้ความสามารถและจำเลย ได้แสดงพยานหลักฐานเท็จในสาระสำคัญของคดีทำให้โจทก์ไม่ได้รับแต่งตั้งให้ เป็นผู้อนุบาลนางถนิม ผู้เป็นมารดา การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาแก้ต่างคดีและพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 177,180 ด้วย  เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.
นอกจากนายสุเทพที่มาเบิกความต่อศาลด้วยตัวเองแล้ว ยังมีนายประเทือง เขียวเหมือน ทนายความ มาเบิกความสนับสนุนนายสุเทพด้วย ภายหลังการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาหรือไม่วันที่ 31 ต.ค. นี้ เวลา 09.00 น.
นายสุเทพ เปิดเผยภายหลังเบิกความถึงกรณี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ น้องชาย จะถูกดำเนินคดีคดีอุ้ม 2 สามีภรรยา ที่ จ.เพชรบุรี ว่า ตนไม่มีสิทธิว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าน้องชายทำ แต่เป็นเรื่องของคดี ที่ผ่านมายังไม่ได้ไปเยี่ยมน้องชาย เพราะตนมีหน้าที่ต้องดูแลแม่ แต่หากน้องชายต้องการความช่วยเหลือก็ยินดีช่วย เพราะอย่างไรแล้วน้องก็ยังเป็นน้อง สำหรับประเด็นข้อเท็จจริงที่น้องถูกดำเนินคดี ตนก็ไม่ได้นำเสนอต่อศาลเยาวชนฯ ที่ตนได้ร้องคัดค้านน้องในการขอเป็นผู้อนุบาลมารดาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องคลิปของมารดาที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้นไม่ได้มีการบังคับ โดยขอให้ทุกคนดูเองว่า มารดาถูกบังคับหรือไม่ ซึ่งการทำคลิปเพื่อเป็นการเตือนสติน้องไม่ได้ทำร้าย แต่หากน้องจะนำมาฟ้องคดีในฐานะพี่ชายตนก็พร้อมแอ่นอกรับ
อีกด้านหนึ่ง ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์  ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์  เปิดเผยกรณีนายสว่าง  นุ่มจุ้ย บิดานายสามารถ  นุ่มจุ้ย  ที่หายตัวไปพร้อมภรรยา  นัดหมายเข้าพบเพื่อขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบโครงกระดูกหลังจากไม่เชื่อผล การตรวจของนิติเวช รพ.ตำรวจ  โดยเฉพาะผู้ต้องหาเป็นทั้งตำรวจและแพทย์ของรพ.ตำรวจว่า ล่าสุดญาติไม่ได้เดินทางเข้าพบและไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ติดต่อขอเข้าพบ แต่ไม่ทราบเหตุผลที่ยกเลิก  อย่างไรก็ตามเบื้องต้นชี้แจงกรณีดังกล่าวกับนายสว่างว่า  ญาติมีสิทธิในการร้องเรียนถึงการหายตัวไปได้  แต่ยังไม่มีสิทธิขอให้เคลื่อนโครงกระดูกที่พบในไร่มาให้สถาบันนิติวิทยา ศาสตร์ตรวจพิสูจน์   เพราะผลการตรวจสอบขณะนี้นิติเวชระบุว่าไม่ใช่ญาติของนายสว่าง  ทำให้นายสว่างไม่ใช่ญาติสายตรงจึงไม่มีสิทธิเคลื่อนย้ายโครงกระดูกได้
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เปิดเผยอีกว่า การที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะเข้าไปตรวจพิสูจน์ได้มี 2 แนวทาง คือ กรณีที่พนักงานสอบสวนมีดุลยพินิจให้เข้าตรวจสอบ หรือกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมรับเป็นคดีพิเศษเท่านั้น ทั้งนี้ศพญาติของนายสว่างอาจไม่ได้อยู่ไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์  ก็ได้ ส่วนการขุดหาโครงกระดูกนั้นไม่สามารถใช้รถแบ๊คโฮขุดโดยเด็ดขาด  หรือหากขุดเจอในบ่อน้ำต้องใช้วิธีสูบน้ำออก


Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Pellentesque volutpat volutpat nibh nec posuere. Donec auctor arcut pretium consequat. Contact me 123@abc.com

0 comments:

Post a Comment